ขายเดลิเวอรียังไงให้เหลือกำไร

เพราะผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้การทำเดลิเวอรี่เข้ามามีบทบาทกับการใช้ชีวิตมากขึ้น ทำให้หลาย ๆ ต้องปรับตัวมาทำเดลิเวอรี่กันมากขึ้น
.
แต่ก็ไม่ใช่ทุกร้านที่จะขายดีในเดลิเวอรี่ หรือบางร้านขายได้แต่กลับไม่เหลือกำไร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ GP ที่ทางแอปต่างๆ คิดอยู่ที่ประมาณ 1 ใน 3 ของราคาขาย (30-35%) แล้วทุกร้านที่มีการเผื่อต้นทุนก้อนนี้ไว้แต่แรก ทำให้กำไรที่ควรจะได้กลับลดลงมากขึ้นทุกวัน

.

วันนี้ EATLAB ก็เลยจะมาแนะนำเทคนิคที่จะช่วยเพิ่มยอดขายจากการทำเดลิเวอรี่ได้ไม่มากก็น้อย

.

1. ตั้งราคาเมนูเดลิเวอรี่คนละราคากับหน้าร้าน
.
วิธีนี้คือวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้เรามีกำไรจากการขายเดลิเวอรี่ แต่ก็ต้องระลึกไว้เสมอว่า ยิ่งเราลงราคาเมนูในแอปแพงกว่าหน้าร้านมากขึ้นเท่าไหร่ โอกาสที่ลูกค้าจะรู้สึกไม่ดีกับแบรนด์เรา หรือเปลี่ยนไปสั่งร้านอื่นก็ยิ่งมีโอกาสมากขึ้นเท่านั้น

.

ซึ่งถ้าหากเราจะตั้งราคาให้สูงขึ้น เราอาจลองเพิ่มวัตถุดิบบางอย่างลงไปในเมนูให้ดูมีคุณค่าหรือ Value ที่ดูเพิ่มขึ้น ก็ทำให้ลูกค้าไม่รู้สึกว่าเค้าต้องเสียเงินแพงขึ้นโดยได้ของเท่าเดิม

.

2. จับคู่ขาย เพื่อเพิ่มกำไร

.

ถ้าขายเมนูแยกแล้วกำไรมันน้อย ลองจับคู่เมนูที่มีต้นทุนถูกเข้าไปด้วย ก็จะทำให้กำไรของเรามากขึ้นได้ เช่น หากเมนูข้าวหน้าแซลมอนซึ่งมีต้นทุนสูงของคุณราคา 140 บาท แล้วน้ำอิตาเลียนโซดาซึ่งมีต้นทุนถูกราคา 60 บาท เราอาจจับคู่ขายแล้วบอกว่าเซตนี้จากราคา 200 บาท เหลือเพียง 179 บาทก็เป็นการทำให้กำไรของเราเพิ่มมากขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องเพิ่มราคาขายในแอป

.

3. คิดเมนูเดลิเวอรี่ให้ไม่เหมือนหน้าร้าน

.

หรือถ้าหากกลัวว่าลูกค้าจะรู้สึกไม่ดีที่ราคาหน้าร้านกับไม่แอปไม่เท่ากัน เราก็ทำให้เมนูมันไม่เหมือนกันซะเลย แล้วก็ตั้งราคาโดยเผื่อ GP ที่ต้องถูกหักไว้เลย โดยเมนูที่เหมาะกับเดลิเวอรี่นั้นควรเป็นเมนูที่คุณภาพและรสชาติยังคงเดิมแม้ผ่านไปแล้ว 1 ชม.

.

หรือจะออกเมนูใหม่เป็นอาหารพร้อมปรุง (Ready to Cook) เพราะปกติลูกค้าถ้าจะสั่งอาหารก็อยากทานโดยทันที แต่สิ่งที่เจอคือหากต้องสั่งอาหารออนไลน์มาทานทุนวันก็ต้องเสียค่าส่งที่มากและต้องคอยเสียเวลามาสั่งและรออาหารมาส่ง อาหารแบบ (Ready to Cook) เลยเข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้ได้เช่นกัน

.